การควบคุมการเจริญเติบโต

• การตัดแต่งหญ้าคา: หญ้คามีลักษณะการเติบโตที่รวดเร็วและสามารถแพร่พันธุ์ได้ง่าย การตัดแต่งหญ้คาอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันไม่ให้มันเติบโตจนเป็นวัชพืชที่ทำลายพืชชนิดอื่น ๆ ที่ปลูกในพื้นที่เดียวกัน
• การตัดหรือทำลายส่วนที่ไม่ต้องการ: หากปลูกหญ้คาในพื้นที่เกษตรกรรมเพื่อใช้เป็นวัสดุหรืออาหารสัตว์ ควรตัดแต่งหญ้คาให้มีความสูงที่เหมาะสม และเก็บเกี่ยวเมื่อหญ้คามีการเจริญเติบโตเต็มที่เพื่อใช้ประโยชน์สูงสุด
• การใช้วิธีการทางชีวภาพ: ในบางกรณีอาจใช้สัตว์เช่น วัวหรือแกะให้กินหญ้คาเพื่อลดการเจริญเติบโตของมันในพื้นที่

การควบคุมการแพร่กระจายของหญ้าคา

• การกำจัดราก: หากหญ้คากลายเป็นวัชพืชที่รบกวนพืชหลักในแปลงการเกษตร ควรกำจัดรากและส่วนขยายพันธุ์ของหญ้คาด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่น การใช้เครื่องมือเกษตรหรือการขุดถอน
• การใช้วัสดุคลุมดิน: ในบางกรณีอาจใช้วัสดุคลุมดิน (mulching) เพื่อป้องกันไม่ให้หญ้คาขยายพันธุ์ โดยการคลุมดินด้วยวัสดุธรรมชาติหรือพลาสติกช่วยป้องกันแสงแดดและการเจริญเติบโตของหญ้าคา
• การใช้สารเคมี: หากการควบคุมด้วยวิธีธรรมชาติไม่สามารถทำได้ สามารถใช้สารเคมีเพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของหญ้คา แต่ควรเลือกใช้สารเคมีที่ปลอดภัยและมีการควบคุมการใช้ที่ถูกต้อง

การใช้หญ้าคาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

• การปลูกหญ้าคาเพื่อป้องกันการกัดเซาะของดิน: เนื่องจากหญ้คามีระบบรากที่แข็งแรง จึงสามารถใช้เป็นพืชคลุมดินเพื่อป้องกันการกัดเซาะของดินได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฝนตกชุก
• การใช้หญ้าคาเป็นอาหารสัตว์: หญ้คาสามารถใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ โดยเฉพาะในบางพื้นที่ที่มีการเลี้ยงสัตว์ การให้สัตว์กินหญ้คาจะช่วยลดการใช้พืชอาหารสัตว์ราคาแพง
• การใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุ: การปลูกหญ้คาในบางพื้นที่เพื่อใช้เป็นวัสดุก่อสร้าง เช่น หลังคาและกระดาษ สามารถสร้างรายได้และลดการใช้ทรัพยากรจากต้นไม้ได้

การบริหารจัดการพื้นที่ปลูก

• การเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม: หญ้คาควรปลูกในพื้นที่ที่มีการระบายน้ำดีและมีอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง หรือในพื้นที่ที่ไม่ได้ใช้ปลูกพืชอื่น ๆ
• การปลูกหญ้คาร่วมกับพืชอื่น: ในบางกรณีอาจปลูกหญ้คาควบคู่ไปกับพืชอื่น เช่น การปลูกหญ้คาร่วมกับพืชพรรณที่ใช้ในเกษตรกรรมหรือพืชที่ต้องการการควบคุมสภาพดิน
• การหมุนเวียนการปลูก: เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของดินและให้ดินมีคุณภาพที่ดี ควรใช้วิธีการหมุนเวียนการปลูกพืช โดยการปลูกหญ้คาในช่วงหนึ่งและปลูกพืชชนิดอื่นในช่วงเวลาที่เหลือ